สวัสดีค่าทุกคน … แป๊ปๆเวลาผ่านไปเกินครึ่งปีแล้ว หลังจากทำงานกันหนักหน่วงกันมาหลายเดือน ร่างกายก็เริ่มเรียกร้องขอเวลาพักกันบ้างเนอะ ทริปนี้เราเลือกพักกันที่รีสอร์ทในฝันของเราแห่งหนึ่ง ตื่นเต้นกันมากตอนเตรียมตัวเมื่อรู้ว่าจะมาพักที่นี่ …ที่แห่งนั้นก็คือ The Naka Island A Luxury Collection Resort & Spa Phuket ( เดอะนาคา ไอแลนด์ อะลักชัวรี่ คอลเลคชั่น รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต )
รีสอร์ทสุดเริดที่ตั้งบนเกาะนาคาใหญ่ ซึ่งนั่งเรือจากท่าเรือภูเก็ตไปราว 10-15 นาทีเท่านั้นเองนะคะ และอยู่ห่างจากสนามบินไม่เกินครึ่งชั่วโมง สะดวกสบายเดินทางถึงรวดเร็วทันใจ แต่ความรู้สึกที่ได้รับเหมือนได้ไป Hideaway ในที่ไกลๆ ได้รับความสุขกลับมากันเต็มๆ
เราเลือกเดินทางด้วยสายการบินที่คุ้นเคย AirAsia ซึ่งมีเที่ยวบินไป-กลับกรุงเทพ-ภูเก็ต ให้เลือกมากมายเหลือเกินวันละขาละ16 เที่ยวบิน เลือกเอาที่เราสะดวก เลยค่ะ แต่อย่าลืมเลือกแพคเกจสุดคุ้มที่รวมน้ำหนักกระเป๋า+อาหารมาพร้อมกันเลยนะคะคุ้มค่ามากๆ
และเมื่อวันก่อนมีการเปิดตัวเมนูพิเศษของ AirAsia Santan ที่จะเสริฟ์บนเครื่อง AirAsia ในทุกประเทศที่ AirAsia บินลง เป็น “Red Burger “ เบอร์เกอร์สีแดงที่ได้รับการรังสรรค์จากเชฟหงส์ งามพร้อม ไทยมี เจ้าของร้านอาหารไทยชื่อดังที่ New York ชื่อร้าน” Thaimee” โดยเชฟหงส์ได้นำเอาเอกลักษณ์ของอาหารไทยภาคเหนือมาเป็นเบอร์เกอร์สีแดงสดประกอบกับไส้อั่วไก่โฮมเมดเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำที่มีความกลมกล่อมอร่อยด้วยซอสมาโยน้ำพริกหนุ่ม วันนี้ได้มีโอกาสทานบนเครื่องแล้ว อร่อยจังเลยค่าแนะนำๆ รายได้จากการขาย Red Burger 10%จะถูกหักไปช่วยเหลือและสนับสนุนโครงการ Red ช่วยเหลือผู้ป่วย HIV ในอาเซี่ยนของเราค่ะ อิ่ม อร่อย และได้บุญในครั้งเดียวกันเลย
หมายเหตุ:เมนู Red Burger ต้องสั่งจองล่วงหน้าเท่านั้นนะคะ
วันที่เรามาภูเก็ตเป็นวันที่มรสุมเข้าพอดิบพอดี ถือว่ามาเที่ยวภูเก็ตหน้า Green Season ด้วยกันนะคะ เคยมีคนถามว่าที่ The Naka Island A Luxury Collection Resort & Spa Phuket หน้าโลว์เป็นยังไงบ้างเพราะช่วงนี้จะมีโปรราคาดีดีออกมาเสมอ ขอแนะนำว่าลองดูรีวิวนี้เลยค่ะ เพราะช่วงที่เราไปนั้นฝนตกทุกวันและแทบจะตลอดเวลา แต่เรากลับชอบที่นี่มากๆ แฮปปี้สุดๆ (ไม่นับกับการถ่ายรูปไม่ได้นะคะ )
และเมื่อเดินทางมาถึง สิ่งแรกที่จะต้องทำก็คือการตีฆ้อง 2 ครั้ง และอธิษฐาน 1 ครั้ง ตามตำนานเรื่องเล่าของเกาะนี้ เพราะที่นี้คือเกาะนาคาใหญ่ ซึ่งชาวบ้านบนเกาะจะมีความเชื่อกันว่า แต่เดิมเกาะแห่งนี้เป็นพญานาค แล้วได้กลายเป็นหิน แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือเกาะแรด เกาะนาคาใหญ่ และเกาะนาคาน้อยนั่นเอง เราจึงตีฆ้องเพื่อบอกให้พญานาครับรู้ว่าเรามาถึงแล้ว มี Story กันแต่เริ่มเลยค่ะ
ห้องพักที่นี่จะเป็นวิลล่าทั้งหมดจำนวน 67 หลัง และห้องดีลักซ์อีก 13 ห้องค่ะ
เจ้าหน้าที่ก็พาเราขึ้น Buggy ขับกันมาเรื่อยๆ จนถึงวิลล่าที่พักค่ะ อยู่ที่นี่ต้องขอใช้บริการ Buggy กันบ่อยหน่อย เพราะที่นี่เนื้อที่กว้างมาก ถ้าเดินไป-มาทั้งวันเกรงว่าจะหมดแรงซะก่อน นะคะ
เราพักกันแบบ Sea View Pool Villa ได้นอนมองทะเลกันแบบเต็มๆตา ตื่นมาก็เห็นทะเลกันทุกเช้า
พื้นที่ใช้สอยในห้องนอนกว้างและโล่่ง โปรงสบาย เหมาะกับการ Hideaway โทนสีที่ใช้ ค่อนข้างกลมกลืนกับธรรมชาติ ดูสบายตา คือมีสีขาวเป็นสีของผนังห้อง และใช้สีน้ำตาลของไม้เป็นหลังคา และเฟอร์นิเจอร์
รอบๆห้องก็เต็มไปด้วยความเขียวและชุ่มชื่นของต้นไม้ ยิ่งมาช่วงฝนตกแบบนี้ต้นไม้สวยมากและสดชื่นมากๆ
ห้องแบบ Sea View Pool Villa ทุกห้องน่าจะสวยหมด ขึ้นอยู่กับมุมของแต่ละห้องไป
ห้องเรานั่งมองตรงนี้ทั้งวันไม่มีคำว่าเบื่อ แม้ช่วงฝนตกตรงนี้ยังสวยงาม
นั่งอ่านหนังสือ เล่นมือถือเพลินๆไปตรงจุดนี้
ในส่วนของห้องน้ำจะแยกโซนมาด้านหลังห้องนอนค่ะ
พื้นที่กว้างขวางนอนได้สบายๆเลย
และฝนจะตกก็ตกไป หาได้แคร์ไม่…สั่ง Afternoon Tea มาทานกันในห้องไปเลยค่ะ
หลังจากถ่ายรูปสวยๆอวดชาว Social แล้ว ก็ทานกันเลยค่ะ ขนมที่นี่จัดมาเต็มชื้นโตๆ อร่อยและอิ่มมาก
บ่ายแก่ๆเรามาเปลี่ยนบรรยากาศนั่งชิลล์ที่ ซีบาร์ (Z BAR) เป็นบาร์ที่วิวสวยมาก เหมาะกับการนั่งดูพระอาทิตย์ตกสุดๆ ที่นี้จะให้บริการ cocktail & Tapas จะเปิดให้บริการตั้งแต่ เวลา 15.00-24.00 น. มาลุ้นกันว่าเราจะเห็นพระอาทิตย์ตกกันไม๊เย็นนี้
มองไปไกลๆเป็นวิวป่าเกาะซึ่งเราชอบมาก
นั่งจิบเครื่องดื่มชิลล์ๆ กันไป ปล่อยเวลาผ่านไปช้าๆ
เราจะทานอะไรกรุบกริบกันที่นี่เป็นมื้อเย็นไปเลยแบบง่ายๆค่ะ จานแรกเป็นจานรวมของ Asian Inspired Tapas มีทั้งม้าฮ่อ ปอเปี๊ยะ Sushi Roll … เพราะลังเลว่าจะสั่งอะไรดี เอามาหมดเลยละกัน
Crispy Buffalo Wing with Roasted Garlic Mayonnaise 300.- บาท
Tuna Taco 300.-บาท
ในที่สุดเราก็ไม่ได้เจอกับพระอาทิตย์ตามที่คาดไว้
ขากลับเดินกลับห้องสบายๆ
แม่บ้านมา turn down ให้เรียบร้อยค่ะ ที่นี่แนะนำให้นอนในมุ้ง เพราะต้นไม้เยอะ
ข้างนอกฝนตกเบาๆ บรรยากาศดีมาก มาหน้าโลว์ก็มีความสุขไปอีกแบบนะเนี่ย
ตื่นเช้ามารอดูแสง พบกับบรรยากาศแบบนี้ไปนอนต่อเลยดีกว่า
อาหารเช้าที่ห้องอาหารต้นไทร
เป็นห้องอาหารหลักของที่นี่เลยค่ะ เสริฟ์อาหารทุกมื้อ
พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส
มีไลน์บุฟเฟ่ต์ให้เลือกตัก
Station ไข่ และก๋วยเตี๋ยวผัด
และก็มีเมนูให้สั่งมาทานเป็นจานๆ ซึ่งเชฟจะปรุงให้ใหม่ๆทุกจาน และจะทานกันกี่จานก็ไม่มีใครว่าค่ะ
จานนี้คือ Grilled Salmon แซลมอนย่างดีมีความฉ่ำ
Steak and Egg จานนี้ดีงาม
Naka Poached Egg อร่อยมาก
ชอบน้ำส้ม ขอมาทั้งขวดกันเลย
อาหารจานอื่นๆ
หลังอาหารเช้าไปเดินสำรวจรอบๆกันนะคะ ไปแอบบดูห้องราคาเริ่มต้นมาฝาก เผื่อใครสนใจ
ห้องแบบ Deluxe สวยเลยทีเดียว
พื้นที่ใช้สอยขนาดกำลังดี
เราชอบนะคะ ดูดีเลยแหละ
บ่ายแก่ๆกลับมาทานอาหารกลางวันที่ห้องอาหารต้นไทรกันอีกรอบ
เสริฟ์ด้วยข้าวเกรียบกันก่อนเลย
อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ ปลากระพงทอด+ยำมะม่วง ใครมาต้องสั่ง เรารึจะพลาด..
ปูนิ่มทอดซอสมะขาม
กุ้งโสร่ง จานนี้ชอบมาก
มาทะเลชอบสั่งยำส้มโอกันไม๊คะ
ซีซาร์สลัด
และพิซซ่าห้ามลืมสั่งค่ะ
ส่วนของหวานปิดท้ายยกให้บัวลอยเป็นนางเอกค่ะ
ช่วงบ่าย เราใช้ชีวิตอยู่แถวๆสระว่ายน้ำ นั่งเล่นนอนเล่นกันไป เพราะอากาศแบบนี้ไปทำกิจกรรมอะไรไม่ค่อยได้มากนัก
บ่ายทุกวันที่ริมสระจะมีไอศกรีมเสริฟ์ให้ทานกันฟรีๆค่ะ ห้ามพลาดๆ บ่าย2ถึง5 โมงเย็นค่ะ
ไปเดินเล่นกันที่สปาต่อค่ะ ไม่ได้ใช้บริการก็เข้ามาถ่ายรูปกันได้นะคะ
สปาที่อยากให้ลองคือ wassu
เป็นการทำสปาในน้ำ ในประเทศไทย มีเพียงแค่ 2 ที่เท่านั้น
และแอบขอไปชมวิวที่ห้อง Royal Horizon Pool Villa ซึ่งเป็นห้องที่แพงที่สุดของที่นี่กันนิดนึง แต่ไม่ได้ถ่ายรูปห้องอะไรมาเลยนะคะ
Dinner คืนสุดท้ายเราจัดที่ ห้องอาหาร My Grill ค่ะ
มื้อนี้เราจะทานอาหารแนวย่างกันค่ะ มีทั้งซีฟู้ดและเนื้อดีดีหลากหลายมาก
เริ่มที่อาหารเรียกน้ำย่อยกัน เราสั่ง Appetizer ไป 3 อย่าง ค่ะ
Burrata เป็นชีสสด คล้ายกับชีส mozzarella ที่ทำจากนมวัว ซึ่งเป็นชีสจากประเทศอิตาลี่ ในแคว้น Puglia แต่ที่แตกต่างกันคือ ชีสชนิดนี้มีครีมอยู่ข้างใน เนื้อชีสมีลักษณะคล้ายไข่ขาวที่ค่อนข้างเหนียว รูปทรงเหมือนขนมถุงทอง เมื่อตัดออกมา ภายในจะมีครีมเป็นน้ำข้นๆไหลออกมา อร่อยมาก
Seared Tuna with Chimichurri Sauce เสริฟ์มากับแตงโม ไช่ปลาเทราท์ สมุนไพร และ วาซาบิมาโย
ทานแล้วสดชื่นมากๆ
Prawns Avocado and Melon Salad
ทานกันแบบบรรยากาศสบายๆ
Main Course วันนี้จะเป็น จานรวมซีฟู้ดค่ะ
เสริฟ์มากับผักย่าง
จานนี้ทาน 2 คนแทบไม่หมดนะคะ
เช้าวันสุดท้ายอากาศดีกว่าทุกๆวัน เราเลยลองสั่ง Floating Breakfast มาที่ห้องค่ะ มีพนักงานมาเตรียมให้ตามเวลาที่นัดไว้
พนักงานจะให้เลือกเมนูที่อยากทานไว้ล่วงหน้านะคะ
เป็นประสบการณ์สนุกๆนะคะ
ทฤษฎีที่ว่าวันกลับฟ้ามักสดใสเสมอกับเรายังคงใช้ได้ ได้แต่หมายมั่นในใจว่าถ้ามีโอกาสเราจะกลับมาอีกแน่นอน ยิ่งที่นี่ชอบมีโปรดีดีสำหรับคนไทยด้วยแบบนี้นะคะ
3 วัน 2 คืนที่ได้ใช้ชีวิตติดเกาะอยู่ที่ The Naka Island , A Luxury Collection Resort & Spa Phuket เป็นช่วงเวลาสุดประทับใจ เราได้พักผ่อนกันแบบเต็มๆ ชาร์ตแบตกลับมากันอย่างเต็มที่ พร้อมกับมาลุยงานกันต่อแล้วค่ะ หลายๆคนมีที่นี่เป็นที่พักในฝันที่อยากมาพักกันซักครั้ง ลองให้รางวัลกับตัวเองกับที่พักดีดีแบบนี้ดูนะคะ แล้วจะมีกำลังใจรีบทำงานหาเงินมาเที่ยวต่อไปแบบเราค่ะ
เราอยากให้คนอ่านรีวิวมีโอกาสได้ไปสัมผัสประสบการณ์ การติดเกาะส่วนตัวอยู่กับวิลล่าสวยๆ แบบนี้สักครั้งนะคะ ที่นี่จะมีโปรดีดีออกมาตลอด ช่วงนี้ก็เช่นกันค่ะอันนี้เป็นโปรโมชั่นงานเที่ยวไทย สามารถจองตรงกับโรงแรมได้ในราคานี้เลย ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 1 กันยายน 2562นะคะ ราคาถูกกว่าจองผ่านเวปไหนๆแถมมีสิทธิประโยชน์ต่างๆอีก ลองดูกันค่ะ
และทริปนี้เราได้ใช้บริการของ Andaman Passion ในการบริการไปรับ-ส่งด้วย สะดวกสบายมากจริงๆค่ะ เราจองรถมาล่วงหน้าโดยระบุว่าจะให้พาไปส่งหรือแวะที่ไหนบ้าง คนขับรถก็จะทำการบ้านมาและพาไปในทุกที่ ด้วยความเรียบร้อยและมีคำแนะนำร้านอาหารเด็ดในภูเก็ตให้กับเราอีกด้วยนะคะ เป็นอีก 1 บริการที่แนะนำเลยค่ะสะดวกสบายและไม่ต้องขับรถเองหลงไปหลงมา ชอบมากกกกกกกกกกก
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านรีวิวนะคะ
ข้อมูลโรงแรม
The Naka Island , A Luxury Collection Resort & Spa Phuket
ที่ตั้ง 32 หมู่ 5 ตำบลป่าคลอก, อำเภอถลาง เกาะนาคาใหญ่, ภูเก็ต, 83110, ประเทศไทย
เบอร์โทรศัพท์: (66)(76) 371 400
